DestinY รักแบบป่วนๆกวนๆใจ
เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกที่เขียน แต่เขียนนานมาก ก็ยังไงลองอ่านดูแล้วกันนะ ว่ายังไงคอมเม้นต์ด้วยนะจ๊ะ แล้วเรื่องนี้เป็น......>>>(ไปอ่านนะแล้วจะรู้ อิอิ)
ผู้เข้าชมรวม
483
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ต่อไปนี้มันจะไม่มีเรื่องของเราอีกแล้วค่ะ ไม่มีเรื่องของฉันกับคุณที่เรียกว่าเราอีกต่อไป เราจบกัน!!” ฉันพูดออกไปแล้ว ถึงแม้จะเจ็บปวด แต่หัวใจของฉันในตอนนี้มันไม่รู้สึก มันคงชาไปแล้ว เพราะตอนนี้ฉันไม่ได้ร้องไห้ แต่คำว่าเสียใจ มันท่วมท้นภายในหัวใจของฉัน เขาเองก็ลุกขึ้นแล้วพันร่างกายท่อนล่างด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเพียงผืนเดียวเท่านั่น ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็ยังอยู่บนเตียง ฉันเองก็เดินออกมาจากห้องนอนของเขาที่ใช้ทำกิจกรรมระเริงรักกับคนอื่น เขาพูดแก้ตัวว่า
“เจน เจนนี่ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดบังคุณนะ เพียงแต่...” ฉันไม่ปล่อยให้เขาพูดจบ ฉันก็แทรกขึ้นมาทันทีด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงอารมณ์
“เพียงแต่วัฒน์ ไม่เคยบอก ไม่เคยพูดออกมาว่าคุณมีใคร เพราะคุณรู้ รู้ว่าฉันต้องโกรธคุณ ที่คุณทำอย่างนี้ เพราะคุณรู้จักฉันดี ว่าฉันชอบหรือไม่ชอบอะไร แต่คุณก็ทำ คุณมีคนอื่น หนำซ้ำยังมีอะไรกับเขาอีก ถึงแม้ว่าคุณจะอ้างว่าเธอมาเสนอให้คุณเอง ถ้าคุณคิดสักนิดว่า ไม่สมควร ถ้าคุณบอกปฏิเสธเธอไป ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะหน้าด้านแค่ไหน เธอก็คงจะไม่มาเสนอให้คุณ
“คุณไม่เชื่อใจผมเลยงั้นสิ”
“ฉันเคยเชื่อใจคุณค่ะ แต่หลังจากตอนนี้ที่ฉันเห็นกับตามันจะไม่มีอีกแล้วค่ะ ความเชื่อใจของฉันที่มีให้กับคุณ คุณบอกฉันว่าติดงาน ติดประชุม แต่กลับมีเวลามาเสพสุขกับผู้หญิงอื่นงั้นหรอคะ คุณ
“นี่หล่อนเป็นใครกันยะ” ผู้หญิงคนที่มีอะไรกับแฟน เอ้อ...อดีตแฟนของฉัน ตอนนี้แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วและเดินออกมา พูดขึ้นว่า
“รี่ คุณพูดให้ดีๆได้ไหม เจนนี่เป็นแฟนของผมนะ” เขาหันไปพูดกับผู้หญิงคนนั้น
“นี่น่ะหรอคะ แฟนของคุณ วัฒน์ นี่คุณจะหาดีกว่านี้ไม่ได้หรอคะ” เธอพูดและมองสำรวจฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็แสดงท่าทางออกมาอย่างไม่ปิดบังว่าผิดหวัง
“รูปร่างก็ดูงั้นๆ อะไรๆก็เล็กนิดเดียว มีก็ไม่ค่อยจะมี เฮ้อ แต่ดูท่าทางคุณจะรัก เทิดทูนบูชาแล้วก็หลงมันมากเลยนะเนี่ย รี่ว่า คุณคงยังไม่ได้นังนี่แน่ๆเลย ใช่ไหมล่ะคะ” พูดจบเธอก็เบ้ปาก
“ฉันว่าฉันไปดีกว่านะคะคุณ
“คุณยังไปไหนไม่ได้นะ” เขาพูดด้วยโทนเสียงที่ข้อนข้างต่ำ และจับแขนฉันไว้
“รี่ว่าคุณปล่อยเธอไปเถอะค่ะคุณวัฒน์ ถ้าเขาไม่อยากอยู่คุณจะไปรั้งไว้ทำไม” เสียงของผู้หญิงคนนั้น เอ่อ ที่เรียกแทนตัวเองว่ารี่ จะสาลี่ เชอรี่ เยลลี่ เอลี่ ลิลลี่ หรือจะรี่เข้าหาผู้ชายอะไรนั่นเอ่ยขึ้น
“ผมไม่ได้ถามคุณ รี่ ผมว่าคุณกลับไปก่อนดีกว่านะ”
“ไม่ต้องไล่หรอกค่ะ รี่เองก็อยากจะกลับอยู่หรอกนะ แต่รี่ไม่ได้เอารถมา เพราะคุณเป็นคนพารี่มาเองนี่คะ แถมยังเกือบจะเอ้อ บนรถอีก จริงไหมล่ะคะ” พูดกับอีกคน แต่สายตาถูกส่งมาอย่างจงใจที่จะให้อีกคนได้รับรู้
“กลับไปเถอะ คุณขึ้นรถแท็กซี่กลับไปก่อนก็ได้”
“เฮอะ ก็ได้ค่ะ ขอให้โชคดีนะคะ ถ้าเธอใจกว้างพอที่จะแบ่งผู้ชายกับคนอื่น เพราะคุณก็ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวซักหน่อย บายนะคะ” รี่ หรืออะไรนั่นจูบสองนิ้ว ป้ายที่แก้มของวัฒน์ แล้วก็เดินออกจากประตูไปโดยไม่หันกลับมามองด้านหลังเลยแม้แต่น้อย ส่วนฉันก็ได้แต่ยืนนิ่ง พระเจ้า เขาไม่ได้มีแต่ผู้หญิงคนนี้งั้นหรอเนี่ย และพอได้สติ
“ปล่อยฉัน”
“ไม่ จนกว่าคุณจะเข้าใจ”
“ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว” ฉันพูดพลางยิ้มให้เขาเล็กน้อย แล้วเขาก็คลายมือฉันออก
“ขอบคุณคร...”
“เข้าใจว่าเรา 2 คนเลิกกันแล้ว” เขายังพูดไม่ทันจบ ฉันก็แทรกขึ้นมา และพอฉันพูดจบฉันก็สะบัดมือแล้ววิ่งหนีออกจากห้องทันที ฉันเองได้ยินเสียงเขาสบถตะโกนไล่หลังมา แต่เขาคงไม่กล้าตามออกมาหรอกมั้ง เพราะว่าเขา แต่งตัวไม่ได้เรียบร้อยเลยน่ะสิ
คอนโดแหล่งนี้มีที่จอกรถกลางแจ้งเท่านั้น เนื่องจากชั้นล่างสุดถูกกั้นเป็นส่วนๆ มีทั้งห้องอาหาร ฟิตเนต รวมทั้งร้านกาแฟเล็กๆที่สงบอยู่ ยังไงก็เถอะ วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะมาชื่นชมอะไรอยู่แล้ว แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะก้าวขาพ้นจากคอนโด เพื่อที่จะเดินไปหารถที่จอดอยู่ แต่ก็มีเสียงตะโกนว่าระวัง แล้วฉันก็เซถอยหลังไปอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากโดนกระชากที่แขนอย่างแรง พอดีกับที่ว่ารถจักรยานยนต์คันหนึ่งได้วิ่งเฉียดหน้าฉันไปเพียงเล็กน้อย และรถคันนั้นก็วิ่งมาด้วยความเร็วสูงเสียด้วย ฉันจึงเงยหน้ามองบุคคลที่หวังดี แต่ด้วยอารามที่ว่าตกใจอยู่จึงไม่ทันได้พูดอะไร แล้วเขาก็ปล่อยมือออกจากแขนของฉัน พร้อมทั้งพูดออกมาว่า
“นี่คุณ อกหักมาหรือไง ถึงได้คิดสั้นที่จะฆ่าตัวตายแบบนี้ ถ้าหากคุณคิดจะฆ่าตัวตายจริงๆละก็นะ ผมว่าคุณอย่าทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนเลยนะคุณ ไปฆ่าตัวตายแบบที่เห็นแล้วคิดได้อย่างเดียวว่าคุณฆ่าตัวตายจะดีกว่า เพราะถ้าหากคุณโดนรถชนตายขึ้นมา มันจะกลายเป็นอุบัติเหตุ แล้วคนที่เขาขับรถชนคุณ
“ขอบคุณนะคะสำหรับความหวังดี แต่ประสงค์ร้ายของคุณนะคะ ถึงแม้ว่าฉันจะเพิ่งอกหักมาเมื่อกี้นี้ก็ตามที แต่ฉันก็ไม่คิดสั้นฆ่าตัวตายหรอกนะ เพราะฉันยังรักตัวเองอยู่มาก มากกว่าที่จะฆ่าตัวตายเพราะเรื่องแบบนี้หรอกนะ” เท่านั้นแหละดวงตาของเขาก็อ่อนแสงลงทันที
“เอ่อ ผมขอโทษ ไม่คิดว่าคุณจะอกหักอยู่จริงๆ แล้วก็ดีใจนะที่คุณ ไม่ได้คิดสั้นฆ่าตัวตาย”ฉันเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งด้วยความสงสัยว่าเขาดีใจอะไร ซึ่งมันเป็นนิสัยที่แก้ไม่หาย แต่ฉันเองก็ไม่ได้ถามเขาออกไป และเมื่อเขาขอโทษอารมณ์ของฉันก็เย็นลงโดยอัตโนมัติ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณไม่ทราบ” น้ำเสียงของฉันกลับมาอยู่ในระดับปกติแล้ว ส่วนเขาคงจะทราบว่าฉันเลิกคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ จึงได้อธิบายว่า
“ผมดีใจ ที่คุณคิดได้ว่าอกหัก ไม่ทำให้คนเราตายได้ ถึงแม้ว่ามันอาจจะเจ็บปวดลึกๆในใจก็ตามที แต่เมื่อเวลาผ่านไป มันก็จะหายได้เองและก็เป็นความคิดที่ดีที่มีให้กับเพื่อนมนุษย์ คุณอาจจะงงนะแต่มันก็เป็นความรู้สึกที่ออกมาจากในใจจริงๆน่ะ”
“ขอบคุณนะคะที่หวังดีกับเพื่อนมนุษย์อย่างฉัน แถมยังให้ข้อคิดดีๆกับคนที่เพิ่งจะอกหักมาสดๆร้อนๆเลย ว่าแต่คุณพูดเหมือนคุณ อกหักมาแล้วหลายรอบงั้นแหละ”
“ก็หลายรอบนะ แต่ยังไงนะผมว่าเราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่านะ รู้สึกว่ายืนตรงนี้มันขวางทางเดินคนอื่นเขานะครับ” อารมณ์ไหนเนี่ย แต่ฉันเองก็ไม่กล้าคิดว่าเขาจะจีบฉันหรอกนะ แหม ก็ฉันเพิ่งจะตาสว่างเรื่องผู้ชายมาสดๆร้อนๆเลยนี่นา ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย ยังไงๆก็คงไว้ใจไม่ได้
“ก็จริงค่ะ แล้วไปที่ไหนดีล่ะคะ”แล้วทำไมเรารับตอบไปง่ายๆเลยล่ะเนี่ย อาจเป็นเพราะเค้าดูเป็นคนที่มีแต่ความจริงใจล่ะมั้งนะ แล้วอีกอย่างเขาหน้าตาดีจะตาย ฮะฮะ ฉันคิดอะไรเนี่ย ความคิดของฉันมันช่างขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง แต่ยังไงก็ช่างมันเหอะ ไหนๆก็ตอบรับไปแล้ว
“งั้นเราไปนั่งที่ร้านกาแฟกันดีไหมฮะ”
“ตกลงค่ะ” จากนั้นเราทั้งสองคนก็เดินกลับเข้าไปยังร้านกาแฟที่อยู่ภายในคอนโดนั่นแหละระหว่างทางเราก็คุยกันไปนิดหน่อย
“ผมว่าเราคุยกันได้นะครับหมายความว่าเหมือนจะมีหลายเรื่องเราที่คุยกันถูกคอ” เขาพูดขึ้นมาหลังจากที่บริกรที่รับออเดอร์เดินจากไป
“ค่ะ ฉันก็ว่างั้น เอ๊ะ แล้วนี่คุณทำงานเป็นพวกนักกฎหมายอะไรแบบนี้หรือเปล่าคะ เห็นตอนแรกคุณ...”
“อ๋อ ฮะ ผมเป็นทนาย แล้วคุณล่ะ”
“อือ มิน่าล่ะ ตอนแรกคุณถึงได้พ่น ชะอุ๋ย...ขอโทษค่ะ พูดออกมาเป็นฉากๆซะขนาดนั้นว่าอะไรเป็นอะไร ส่วนฉันเป็นดีไซเนอร์ค่ะ”
“หรอครับ”
“ค่ะ...”
ยังไม่ทันได้พูดอะไรเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เราทั้งสองคนต่างค้นหาโทรศัพท์ของตนเอง แต่เมื่อยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูจึงรู้ว่าไม่ใช่ของตนเอง แล้วจึงหันมามองคนตรงหน้าว่า ใช่ของคุณหรือเปล่า แต่เมื่อไม่ใช่โทรศัพท์ของอีกฝ่าย และดูเหมือนว่าทั้งคู่จะเหลือบไปเห็นใครคนหนึ่ง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายและกรอกเสียงลงไป จึงหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน
“คุณใช้เสียงโทรศัพท์เสียงนี้หรอคะ/ครับ” เออเนาะ ยังจะพูดพร้อมกันอีก แล้วอีกอย่างเสียงโทรศัพท์เสียงนี้ก็มีคนใช้กันมากจึงไม่แปลกอะไร
“ครับ/ค่ะ” แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะกันอีกครั้ง
“เอ่อ คุณ... แหะๆ คุยกันมาตั้งนาน ฉันยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย” พูดไปแล้วก็ได้แต่หัวเราะแบบแหยๆ กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดว่าอ่อยเขา
“นนท์ครับ นนทภพ วิวัฒนกุล”
“ค่ะ คุณนนท์ ดิฉันเจนค่ะ เจนจิรา แต่เพื่อนจะเรียกเป็นเจนนี่ อืมม์...นามสกุลคุณคล้า....”
แล้วก็มีเสียงโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งแต่คราวนี้ก็เป็นของฉันเอง
“เอ่อ ขออนุญาตนะคะ” แต่ฉันก็ไม่ได้รับสาย ว่าจะปิดเครื่องแต่ก็เปลี่ยนใจ แล้วก็เก็บมันเข้ากระเป๋าไปแทน
“มีอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าตาเครียดๆ”
“อ๋อค่ะ นิดหน่อยค่ะ พอดีว่าคนที่ฉันเพิ่งจะบอกเลิก เขาโทรเข้ามาน่ะค่ะ”
“อ้าว แล้วทำไมไม่รับล่ะฮะ เอ แล้วไหนว่าอกหักไงครับ โอ๊ะ...ถ้าลำบากใจก็ไม่เป็นไรนะครับ เพียงแต่ผมคิดว่าคุณน่าจะลองเล่าให้ใครซักคนฟังเผื่อว่าจะดีขึ้นน่ะครับ เพราะถ้าไม่สบายใจ แค่คุณพูดออกมา ระบายมันออกมาบ้าง และก็มีคนที่รับฟังคุณ มันอาจจะทำให้น้ำหนักของปัญหาเบาบางลงบ้างก็ได้ แล้วถ้าคุณเล่าให้ผมฟังรับรองได้ว่าไม่มีทางหลุดออกจากปากผมไปเข้าหูใครอย่างแน่นอน” ฉันลังเลอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อคิดได้ว่าเราคงไม่บังเอิญเจอกันอีกหรอกมั้ง แล้วอีกอย่างเราก็ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำไป เลยตัดสินใจเล่าให้เขาฟังก็คงจะดีเหมือนกัน
“อ่า ค่ะคุณนี่ช่างปะเหลาะถามคนเก่งจังนะคะ คือความจริงเขามีผู้หญิงอื่นนะค่ะ แล้วฉันก็เลยตัดสินใจได้ทันทีว่าจะเลิกกับเขาค่ะ เพราะเขาไม่ซื่อสัตย์ แล้วอีกอย่างก่อนหน้านี้ ฉันกับเขาก็ทะเลาะกันอยู่ค่ะ นี่ก็กะว่าจะมาเซอร์ไพรส์เขาเพื่อขอโทษ ตัวเองเลยโดนเซอร์ไพรส์เองน่ะค่ะ”
“ครับ” แล้วจากนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้นมา ซึ่งคราวนี้เป็นของฉันอีกนั่นแหละ
“เอ่อ ขออนุญาตค่ะ”
“----จ้ะ----อะไรกัน ผ้าที่สั่งมาไม่พอ----ได้ยังไง----ผ้าขาดหรอ----อะไรกัน----มันขาดมาอยู่แล้วใช่ไหม----ได้ๆ ถ้ายังไงจะเข้าไปเดี๋ยวนี้เลย----ไม่เป็นไรก็ว่างอยู่ อืมม์ โอเคไม่มีอะไรแล้วนะ ถ้างั้นก็แค่นี้แล้วกัน----บาย” ฉันก็คุยกับจีนซึ่งจีนเป็นหุ้นส่วนของร้านที่ฉันเป็นเจ้าของอยู่ ก็อย่างที่บอก ฉันเป็นดีไซน์เนอร์แต่ร้านนี้ก็เป็นร้านที่ฉันกับจีนเพื่อนสนิทที่นิสัยค่อนข้างจะห้าวหาญเกินหญิงไปซักหน่อย แล้วที่จีนโทรมาก็มีใจความประมาณว่ามันเกิดปัญหาขึ้นที่ร้านตอนนี้น่ะสิ
“เอ่อ มีอะไรเร่งด่วนหรือเปล่าครับ”
“ค่ะ พอดีที่ร้านตอนนี้มีปัญหาค่ะ คือผ้าที่สั่งเข้ามา ตัดชุดให้ลูกค้ามันขาดน่ะค่ะ เพราะผ้าตัวนี้ต้องดูแลมันเป็นพิเศษ และลูกค้าคนนี้ก็เป็นลูกค้าประจำด้วย ถ้ายังไงฉันคงต้องขอตัวก่อนนะคะ” พูดจบฉันก็ลุกขึ้นทันที ส่วนเขาก็ลุกตาม
“ครับ แล้วนี่เราจะได้พบกันอีกไหมครับ”
“แล้วแต่โชคชะตาแล้วกันนะคะ นี่ค่ะค่ากาแฟ” ฉันยิ้มให้คุณนนท์เล็กน้อยก่อนที่จะหยิบเงินส่งให้เขา แต่เขากลับปฏิเสธและพูดว่า
“ผมเลี้ยงแล้วกันนะครับสำหรับโชคชะตาครั้งนี้”
“งั้นก็...ขอบคุณค่ะ ไปก่อนนะคะ แล้วถ้าโชคดีเราอาจจะได้เจอกันอีกนะคะ” ฉันโบกมือลาก่อนจะเดินออกจากร้านกาแฟแล้วกลับไปที่รถ ที่จอดทิ้งไว้ที่หน้าคอนโด
เธอไปแล้ว แต่ผมก็ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะอีกพักใหญ่เลยล่ะ นั่งนึกอยู่นานว่าแล้วอย่างนี้จะไปพบเธอได้อย่างไร แล้วถ้าเจอกันอีกครั้งเธอจะยังจำเราได้อยู่ไหมนะ แล้ว... มากมายเลยทีเดียวแหละ แล้วนี่เราคิดอะไรกัน เนี่ย... บ้าจริง แล้วในที่สุดผมก็คิดได้ว่างั้นก็ต้องขอให้โชคชะตาช่วยจริงๆแล้วแหละ เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็สำรวจรอบๆโต๊ะว่าผมลืมอะไรไว้หรือเปล่า ก่อนที่จะเรียกพนักงานมาคิดเงินและออกจากร้านไป
“สวัสดีค่ะ ร้านจีนแอนด์เจนดีไซน์ ยินดีต้อนรับค่ะ” ฉันที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่เอ่ยทักลูกค้าทันทีที่เปิดประตู
“สวัสดีค่ะ คุณเจนนี่ นันท์เองค่ะ แล้วนี่คุณจีนไม่อยู่หรอคะ เนี่ย”
“อ้าว ค่ะ คุณนันท์ มารับชุดที่สั่งไว้ใช่ไหมคะ จีนไปรับผ้า น่ะค่ะ เพราะคราวก่อนผ้าที่ส่งมาขาดจนตัดชุดให้ลูกค้าไม่ได้ค่ะ คราวนี้เลยต้องไปรับเอง รอซักครู่นะคะ” ฉันก็เดินไปที่ราวผ้ามุมหนึ่งที่เป็นชุดที่สั่งตัด
“นี่ค่ะ ลองดูก่อนไหมคะ เผื่อว่าจะต้องแก้อะไร”
“ความจริงนันท์เองก็เชื่อมือคุณเจนนี่นะคะ แต่นันท์เห่อชุดใหม่ยังไงก็คงต้องลองก่อนล่ะค่ะ” แล้วก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามา ซึ่งฉันที่กำลังยืนหันหลังให้ประตูอยู่ก็ร้องทักลูกค้าตามปรกติ
“สวัสดีค่ะ ร้านจีนแอนด์เจนฯ ยินดีต้อนรับค่ะ เลือกสินค้าด้านหน้าได้เลยค่ะ แต่ถ้าจะตัดชุดกรุณารอซักครู่นะคะ” แล้วฉันก็เดินนำคุณนันท์ไปยังโซนที่แบ่งไว้เป็นห้องลองชุด
“พี่นันท์ครับได้หรือยังครับ”
“อ้าวนั่งคอยก่อนแล้วกันนะนนท์ พี่ไปลองก่อนนะ”
“ฮะ”
“โอเคค่ะ งั้นรับไปเลยนะคะ เดี๋ยวไปใส่ไม้แขวนให้นะคะ” เสียงคุยกันดังแว่วๆมาจากภายใน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเพราะมัวแต่สำรวจภายในร้านอยู่ อืมม์ แต่งได้สวยดีจัง มีหลายมุม และแยกเป็นชุดบุรุษและสตรีที่ทางชุดคงจะราคาแพงน่าดูนะเนี่ย ไม่เพียงแค่คิด ผมเดินไปที่ราวแขวนผ้าด้านหน้าร้าน จับดูก็รู้ว่าเป็นเนื้อผ้าที่ดีมากพอสมควร มองดูราคาก็เห็นว่า ไม่แพงมากอย่างที่คิดก็เหมาะสมดี เพียงแต่ว่าดูแต่ละชุดแล้วก็...หรูมาก เอาเป็นคำนี้แหละปลอดภัยที่สุดแล้ว
“พี่นันท์ถ้าเสร็จแล้วตามไปที่รถเลยนะ ผมไปรอที่รถเลยดีกว่า ไปก่อนนะ” ผมทำท่าจะเดินออกไปจากร้านแต่พี่นันท์ก็เรียกผมไว้ก่อน
“อ้าว เดี๋ยวสิ รอพี่ก่อน เสร็จแล้วเนี่ย รอเอาชุดให้ทีนะ พี่ไปที่เข้าห้องน้ำก่อน แล้วจะไปรอที่รถเลยแล้วกันนะ”
“อ้าว” คราวนี้เป็นผมที่ร้องเสียเอง จากนั้นพี่นันท์ก็เดินมาหาเพื่อรับกุญแจรถแล้วก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วจนผมงง แต่ไม่นานนักก็มีเสียงเรียกซึ่งเสียงนั้นก็ทำให้ผมหันกลับไปมองที่ต้นเสียงทันที
“คุณนันท์คะ ได้แล้ว...อะ อ้าว หายไปเสียแล้ว” คุณเจน! ไวเท่าความคิด
“คุณเจนครับ”
“อ้าว สวัสดีค่ะ โชคชะตาจริงๆด้วยนะคะ ว่าแต่วันนี้มาที่ร้าน จีนแอนด์เจนฯ มีอะไรให้รับใช้หรือเปล่าคะ”
“เอ่อ ผมรอชุดพี่นันท์น่ะครับ”
“อ้าว มากับคุณนันท์หรอคะนั่นน่ะสิ ถึงว่านามสกุล อ่อชื่อก็คล้ายๆกันด้วย เป็นพี่น้องกันน่ะเอง”
“ครับ” ตอนนี้ผมยังคงตกใจอยู่ มันยังงงๆมึนๆ ไม่คิดว่าจะเจอกันเร็วขนาดนี้
“นี่ค่ะ” แล้วคุณเจนก็ส่งชุดพี่นันท์มาให้ผม แต่ผมก็ยังตั้งสติไม่ได้อยู่ กำลังพยายามรวบรวมสมาธิอยู่อย่าเพิ่งถือสานะครับ
“ครับ”
“แล้วใจคอคุณจะพูดแต่คำว่า ‘ครับ’ หรือไงคะ”
“ครับ เอ้ย ปะ เปล่าครับ” อ่าตั้งสติดีๆ อืมม์
“คะ?”
“แล้วนี่ร้านคุณเจนหรือครับ” ถามอะไรออกไปเนี่ย ก็เห็นๆอยู่
“ใช่ค่ะ”
“...” ผมเงียบ
“...” เธอก็เงียบ แต่ผมตัดสินใจทำลายความเงียบก่อน
“งั้น งั้นผมขอตัวก่อนดีกว่านะครับ พอดีว่าพี่นันท์รออยู่”
“อา ค่ะ”
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ โชคดีนะคะ คุณนนท์”
“ว่าไง เมื่อกี้พี่เห็นนะ มองคุณเจนนี่ใหญ่เลยน่ะ สนใจล่ะสิ” พี่นันท์ถามผมหลังจากที่กลับขึ้นมาบนรถแล้ว ที่พี่นันท์เห็นก็คงไม่แปลก เพราะหน้าร้านเป็นกระจกใส มองเห็นเข้าไปถึงด้านในได้อย่างไม่ยากเย็น
“อืมม์” และผมเองก็ยอมรับอย่างง่ายดาย
“เฮ้ย แกยอมรับหน้าตาเฉยเลยหรอเนี่ย ฉันแค่สันนิษฐาน แต่แกเอาจริงเว้ย” พี่คงแปลกใจ เพราะปกติ นิสัยผมออกจะเงียบแล้วก็ไม่ค่อยพูดซักเท่าไหร่ กับการที่ผมยอมรับออกมาตรงๆคงทำให้พี่แปลกใจน่าดู
“อืมม์ ถ้าเอาจริง แล้วพี่ช่วยผมได้ไหมล่ะ”
“เออ แล้วจะช่วย โฮะๆๆๆๆ เชื่อมือพี่สาวอย่างฉันได้เลย” แล้วนี่ผมจะเชื่อได้จริงๆหรือเปล่าเนี่ย
แล้วทุกคนก็ช่วยเหลือผมเต็มที่ทั้งพี่นันท์(ก็บอกแล้วว่าเชื่อมือได้ ไงล่ะเชื่อฉันหรือยัง) ทั้งคุณจีน จนในที่สุดคุณเจนเลยยอมเป็นแฟนผม ตอนนี้เราคบกันมาสามปีกันอีกสิบเดือนแล้วครับ อีกเรื่องที่อยากจะบอกก็คืออีกสองเดือนข้างหน้าก็จะมีพิธีแต่งงานของเราสองคนแล้วล่ะครับดีใจกับผมหน่อย เย้...โอ๊ย โอ๊ยๆๆๆ
“นี่แหน่ะๆๆๆๆ คุณนนท์ คุณจะเอาไปบอกคนอื่นเขาทำไม ฉันอายนะ” แฟนผมหน้าแดงใหญ่แล้วครับ...
“ก็ผมอยากให้ทุกคนบนโลกนี้รู้นี่นาว่าผมรักคุณน่ะ แล้วอีกสองเดือนก็จะแต่งงานกันแล้วด้วย”
“ก็ไม่เห็นต้องป่าวประกาศขนาดนั้นเลย”
“เปล่าน้า ผมยังไม่ได้ประกาศเลย แค่บอกคุณผู้อ่านเท่านั้นเอง ฮะๆ”
“ยังจะมาพูดดีอีก เฮ้อ คุณผู้อ่านคะ อย่าไปฟังนนท์มากนักนะคะ แต่ว่างานแต่งของเจน อย่าลืมมาร่วมงานนะคะ”
“อ้าว ทำไมเป็นงั้นล่ะครับเจน”
“ช่างเหอะน่า”
_ พิเศษเล็กน้อยก่อนจบ_
การที่คนเราจะรัก หรือไว้ใจใครสักคนหนึ่ง มันจะต้องใช้เวลานานมากมายเท่าไหร่ มันยากนะ กว่าที่เราจะพบใครสักคน คนที่เขาพอจะมองเห็นคุณค่าที่เรามี ไม่ว่าจะน้อยนิดหรือมากมาย เพราะคนเรานั้นมีหลายมุม การที่เราจะมองใครซักคนนั้น ต้องมองจากความเป็นจริง ไม่ใช่ภาพที่เราวาดหรือกำหนดไว้ให้เขาเป็น มีนิยามรักมากมาย แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ความรักก็เป็นสิ่งที่ช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจของคนเรา ถ้าสมหวังก็ดีใจ การที่จะรักนั้นไม่ยาก แต่การที่จะรักษาความสัมพันธ์ของคนนั้นยากยิ่งกว่า ต้องอาศัยการปรับตัวเข้าหากัน ต้องพูดคุยกัน ไม่ใช่เพียงแต่คิดเอาเองฝ่ายเดียว ต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ยอมรับฟังเหตุผลของอีกคนก่อน ความรักคืออารมณ์ แต่จะต้องมีเหตุผลประกอบจึงจะสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข ถึงผิดหวังก็เก็บไว้เป็นบทเรียน เป็นความทรงจำที่เคยงดงามตราตรึงในใจ เลือกเก็บแต่ตรงที่ดี ที่มีความสุข ตรงที่เศร้าหรือเสียใจก็จำไว้เป็นประสบการณ์เตือนใจ ถ้าแอบรักใครก็คิดเสียว่าเรายังมีความหวังที่ว่า ซักวันเขาอาจจะรักเราบ้างก็ได้ แม้ว่าในความเป็นจริง อาจจะเป็นไปได้ยาก ไม่ได้ให้หลอกตัวเอง เพียงแต่ให้คิดว่าการที่ได้แอบรักใครซักคน ก็เป็นสุขแล้ว และการที่ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข แค่นั้นก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือ?
____The End____
che ery
ผลงานอื่นๆ ของ Muisheng ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Muisheng
ความคิดเห็น